22 ธันวาคม 2559
ผู้เขียน: เควิน ทีโอ และมาตินา เมทเกนเบิร์ก-ลีเมียร์
เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เครือข่ายนักลงทุนเพื่อสังคมแห่งเอเชีย (Asian Venture Philanthropy Network: AVPN) ได้จัดการการอบรมการวัดผลกระทบทางสังคม โดยร่วมมือกับ Social Venture International (องค์กรวัดคุณค่าทางสังคม) และ Dasra (องค์กรการกุศลที่สร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคม) ที่เมืองเดลี ประเทศอินเดีย
ระหว่าง 2 วันของการอบรม ผู้เข้าร่วมได้เข้าถึงวิธีการวัดผลทางสังคมต่างๆ และนำไปปฏิบัติได้จริง ได้แก่ ทฤษฏีการเปลี่ยนแปลง (Theory of Change) การวัดผลงานเชิงดุลยภาพ (Balanced Scorecard) และการสร้างคุณค่าทางสังคม (Social Value Creation) เครื่องมือทั้ง 3 อย่างเป็นวิธีพื้นฐานที่สำคัญซึ่งทุกองค์กรควรลงมือปฏิบัติเพื่อให้มั่นใจได้ว่าการวัดผลกระทบขององค์กรนั้นจะประสบผลสำเร็จ
1. ผลกระทบที่องค์กรสร้างนั้นก็คือห่วงโซ่คุณค่าขององค์กร การวัดผลกระทบจึงต้องดำเนินตามห่วงโซ่คุณค่านั้นๆ
ผู้ให้ทุนจะให้การสนับสนุนแก่องค์กรภาคสังคม โดยตั้งเป้าให้เกิดผลกระทบตามที่คาดไว้ องค์กรดังกล่าวจะเป็นผู้สร้างผลกระทบแก่ผู้ที่ได้รับประโยชน์ในท้ายที่สุด ตัวอย่างเช่น ผู้ให้ทุนท่านหนึ่งอาจจะลงทุนกับองค์กรไม่แสวงหากำไรที่จัดการศึกษาระดับปฐมวัยในอินเดีย ผลกระทบที่คาดหวังอาจเป็นการสร้างทักษะการอ่านที่ดีขึ้นสำหรับเด็กนักเรียน ผู้ให้ทุนจะไม่ได้เป็นผู้สร้างผลกระทบนั้นเอง แต่องค์กรภาคสังคมจะเปรียบเหมือนพาหนะที่นำไปสู่ผลกระทบดังกล่าว
การตระหนักถึงบทบาทของผู้ให้ทุนและองค์กรภาคสังคมนี้ สำคัญต่อการเลือกกรอบวิธีการและเครื่องมือสำหรับวัดผลกระทบต่างๆ ผู้ให้ทุนมักวางโครงสร้างการวัดผลกระทบทางสังคมโดยใช้เครื่องมือที่ต่างกันไปสำหรับจุดต่างๆในห่วงโซ่คุณค่าขององค์กร
• ทฤษฏีการเปลี่ยนแปลง ทำให้เราเห็นภาพผลกระทบที่เกิดจากผู้ให้ทุนต่อองค์กรภาคสังคม และผลกระทบที่เกิดจากองค์กรภาคสังคมต่อผู้ได้รับประโยชน์
• การวัดผลงานเชิงดุลยภาพ (Balanced Scorecard) วัดผลกระทบที่เกิดจากผู้ให้ทุนต่อองค์กรภาคสังคม
• เครื่องมือวัดคุณค่าทางสังคม Social Value เน้นผลกระทบจากผู้ให้ทุนต่อผู้ที่ได้รับประโยชน์
เครื่องมือทั้ง 3 ชิ้นนี้จะครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมด และสามารถใช้ผสมผสานกันเพื่อให้เห็นภาพของผลกระทบที่สร้างได้อย่างสมบูรณ์
2. การวัดผลกระทบทางสังคมต้องการการสนับสนุนในระดับบริหารและระดับปฏิบัติการของทั้งองค์กร
เรามักจะเห็นหลายองค์กรที่เชื่อว่า การจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตามและประเมินผล หรือบุคคลภายนอกจะช่วยดูแลการความรับผิดชอบในส่วนนี้ได้ แต่โดยมากมักล้มเหลว ไม่ว่ารูปแบบการวัดผลที่คุณเลือกเป็นอย่างไร การวัดผลจะประสบความสำเร็จหากมีการสนับสนุนจากผู้บริหารและการดำเนินงานวัดผลทั่วทั้งองค์กร
องค์กรที่บริหารจัดการการวัดผลซึ่งรวมเข้าไปในการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี ได้แก่ Caspian Impact Advisers และ Lok Capital
Caspian Impact Advisers มีทีมบริหารที่ถนัดในการวัดข้อมูลเชิงลึก และสนันสนุนทีมติดตามและประเมินผลเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าองค์กรมีแผนงานภายในที่สอดรับกันและมีการแบ่งปันทรัพยากรที่ใช้แก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างทั่วถึง
สำหรับ Lok Capital นั้น เครื่องมือในการใช้วัดผลกระทบได้รวมเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงาน และองค์กรเรียนรู้ข้อจำกัดต่างๆ ของตนเองจาการจ้างหน่วยงานภายนอก
3. การสื่อสารคือรากฐาน
องค์ประกอบสำคัญประการสุดท้ายสำหรับกลยุทธการวัดผลกระทบที่ประสบความสำเร็จคือการสื่อสารที่เหมาะสม ผู้ที่วัดผลกระทบได้อย่างมืออาชีพนั้นต้องสามารถสื่อสารกับคนหลากหลายระดับด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกันไป การวัดผลกระทบทางสังคมไม่เพียงแต่สำคัญต่อการสื่อสารไปยังผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอกเท่านั้น แต่ยังต้องมีการจัดการสำหรับการสื่อสารภายในองค์กรเพื่อช่วยขับเคลื่อนการตัดสินใจในอนาคต กลุ่มผู้ฟังทั้งสองนี้ต้องการเครื่องมือในการรายงานที่ต่างกัน
Dasra นิยมใช้วิธีการให้ความเห็นในที่ประชุมของทีมบริหาร ซึ่งเป็นหัวข้อการประชุมที่ทีมให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ และทำอย่างต่อเนื่อง องค์กรนี้ยังส่งรายงานประจำไตรมาสแก่ผู้บริจาค และเตรียมรายงานประจำปีสำหรับผู้อ่านกลุ่มที่กว้างขึ้น
Bridge Ventures จัดการประชุมความร่วมมือประจำปีที่ครอบคลุมวงจรของแหล่งทุนทั้งหมด ซึ่งรวมถึงมีการนำเสนอโดยละเอียดให้แก่ผู้ลงทุนทั้งหมด นอกจากนั้นยังมีการเผยแพร่รายงานผลกระทบทางสังคมประจำปี และรายงานสรุปสำหรับทุนแหล่งต่างๆโดยเฉพาะ ซึ่งรวมถึงผลจากการวัดผลงานของบริษัทที่ให้เปิดให้ลงทุนนั้นๆ กลุ่มเป้าหมายต่างๆ มาตรวัดเปรียบเทียบ (Benchmark) และรัศมีของผลกระทบที่เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
SVhk ใช้รายงานสำหรับบอร์ดบริหาร และใช้เรื่องราวเชิงคุณภาพในการนำเสนอผลกระทบ องค์กรนี้มักใช้ข้อมูลรูปภาพ (infographic๗ เพื่อให้ข้อมูลดึงดูดผู้อ่านและเข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้อ่านทั้งในและนอกองค์กร
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวัดผลกระทบเชิงสังคม ลองอ่านคู่มือที่ใช้งานได้จริงของเราได้ที่ https://avpn.asia/2016/05/22/a-guide-to-effective-impact-assessment/
มาตินา เมทเกนเบิร์ก-ลีเมียร์ (Martina Mettgenberg-Lemiere) เป็นหัวหน้าทีมเสริมสร้างศักยภาพและข้อมูลเชิงลึก ประจำศูนย์ความรู้ของเครือข่ายนักลงทุนเพื่อสังคมแห่งเอเชีย (AVPN) มาตินามีประสบการณ์ในการทำงานวิจัยประยุกต์สำหรับธุรกิจและองค์กรไม่แสวงหากำไรมากว่า 10 ปี ซึ่งเน้นเรื่องทรัพยากรมนุษย์ การศึกษา และผลกระทบต่างๆ เธอเป็นผู้นำโครงการหลายๆโครงการ ที่สถาบัน INSEAD และ สถาบันพัฒนาภาวะผู้นำ Human Capital Leadership Institute ที่สิงคโปร์ ในขณะเดียวก็เป็นพี่เลี้ยงให้แก่นักศึกษาด้านการประกอบการ และความรู้ทางการเงินที่โรงเรียนสอนธุรกิจขนาดเล็กที่ชื่อ aidha ก่อนหน้านี้ เธอทำงานด้านการวิจัยธุรกิจและการให้คำปรึกษาทางธุรกิจที่บริษัท Evalueserve และองค์กรอื่นๆ ในอินเดีย โดยเน้นงานด้านการบริการเกี่ยวกับการเงินและการธนาคาร มาตินายังเคยสอนที่ University of Manchester และ University of Sussex และเคยเป็นที่ปรึกษาอิสระสำหรับ NGO และหน่วยงานด้านการลงทุนที่ลอนดอน และแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ จบปริญญาเอกจาก Manchester Business